Côte Rôtie ตั้งอยู่เหนือสุดของโรห์นเหนือ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองอัมปุย ไวน์จากเขตนี้มีชื่อเสียงและราคาสูงมาก เพราะความ elegant และกลิ่นที่หอมฟุ้งของผลไม้แดง ผลไม้ดำ พริกไทยจาง ๆ และหลายครั้งจะมีกลิ่นหอมของดอกไวโอเล็ตด้วย
Côte Rôtie แปลว่า Roasted Slope ซึ่งสื่อถึงเนินเขาที่โดนแดดเผานั่นเอง ด้วยความที่อากาศเย็นกว่าเขตอื่น ไวน์ระดับท็อปของ Côte Rôtie จะมาจากเนินเขาชันถึง 60° ที่หันไปทางทิศใต้เพื่อรับแสงแดงอย่างเต็มที่เท่านั้น
ใน Côte Rôtie มีเนินเขา 2 แห่งคือ Côte Blonde และ Côte Brune ที่พิเศษกว่าบริเวณอื่นและเป็นที่ผลิตไวน์ที่ดีที่สุด
ดินใน Côte Blonde จะมีสีอ่อนกว่าและประกอบด้วย granite เป็นหลัก ไวน์ที่ได้จะมีกลิ่นหอมฟุ้งและพร้อมดื่มเร็วกว่าใน Côte Brune ซึ่งดินจะมีสีเข้มกว่าอย่างเห็นได้ชัด ส่วนประกอบหลักเป็น mica และ schist ไวน์จากบริเวณจะเข้มกว่าและเก็บได้นานกว่า
อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของ Côte Rôtie คือการเบลนไวน์แดงจากองุ่นซีราห์เข้ากับไวน์ขาวจากองุ่นวีโยเน่ ซึ่งทำให้ได้ไวน์แดงที่หอมรัญจวนกว่าไวน์แดงทั่วไป
เรามาทำความรู้จักกับ Domaine Jean Michel Gerin ไวน์เนอรี่จาก Côte Rôtie ซึ่งก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1983 โดย Jean Michel Gerin ในปัจุบัน Gerin มีพื้นที่ปลูกองุ่นขนาดประมาณ 12 เฮกแตร์ในทำเลทองของ Côte Rôtie
สิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับเค้ามากคือการใช้ American Oak ร่วมกับ French Oak ซึ่งเป็นสิ่งที่น้อยคนนักจะกล้าทำ แต่เค้าเองได้ทำการทดลองจับคู่ไวน์กับ Oak อย่างจริงจังจนได้ส่วนผสมที่ดีที่สุดสำหรับองุ่นแต่ละแปลง
Gerin ทำไวน์ Côte Rôtie ทั้งหมด 4 ตัว
– Champin le Seigneur เป็น 90% Syrah และ 10% Viognier หมักในถังโอ๊คใหม่ 50% (20% American Oak) นาน 18 เดือน
– La Vialliere เป็น 100% Syrah หมักใน Demi-muids คือถังโอ๊คขนาด 600 ลิตรที่มักพบในเขตโรห์น
– Les Grandes Places ถือเป็นไวน์ธงของ Gerin ทำจาก 100% Syrah ที่มีอายุแก่ถึง 50 ปีบนดินที่อุดมไปด้วย mica และ schist หมักใน 100% New French Oak นานถึง 24 เดือน
– La Landonne เป็น 100% Syrah จากแปลงขนาดเล็กเพียง 0.4 เฮกแตร์ หมักในถังโอ๊คใหม่ 100% นาน 18 เดือน