Professor Munich is Teaching Wine Tasting!
วันนี้ โปรเฟสเซอร์มิวนิค จะมาถ่ายทอด “วิชาการเทสไวน์แบบมืออาชีพ” ให้แบบไม่มีกั๊กกันเลยคับ รับรองว่าถ้าอ่านจบแล้วทำตาม ไวน์ที่ซื้อมาดื่มจะอร่อยขึ้นกว่าเดิมแน่นอนครับ ก่อนเริ่มเทสไวน์ อย่าลืมเตรียมอุณหภูมิไวน์ให้ได้ที่และใช้แก้วที่เหมาะสมด้วยนะครับ ส่วนเรื่องแก้ว รอติดตามตอนต่อไปนะครับ
การเทสไวน์แบ่งได้เป็น 4 ขั้นตอน คือ ดู ดม ดื่ม และตรึก
ขั้นตอนที่ 1: การเทสไวน์ด้วยการ “ดู”
เคล็ดลับคือการใช้ผ้าขาวมาเป็นฉากแล้วเอียงแก้วไวน์เล็กน้อยเพื่อให้สามารถมองเห็นสีน้ำไวน์ได้แม่นยำที่สุด สิ่งที่เราจะดูก็คือ “สี” และ “ความทึบของสี” ซึ่งสามารถบอกข้อมูลได้หลายอย่างเลยครับ เช่น
* พันธุ์องุ่น : Cabernet Sauvignon มักจะมีสีแดงเข้มออกไปทางม่วง ส่วน Pinot Noir ก็จะมีสีแดงอ่อนกว่า
* อายุไวน์ : ไวน์แดงอายุน้อยสีจะเข้มและทีบกว่า ส่วนไวน์แดงอายุมากสีจะออกส้มอิฐและใสกว่า แต่ในขณะเดียวกัน ไวน์ขาวอายุน้อยสีจะจางใส แต่เมื่อมีอายุมากขึ้นน้ำไวน์จะเข้มขึ้น
ขั้นตอนที่ 2: การเทสไวน์ด้วยการ “ดม”
การดมเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการดื่มไวน์ เพราะการที่เราสามารถแยกแยะกลิ่นต่าง ๆ ในไวน์ได้เก่ง จะทำให้เราสามารถรับรู้รสชาติของไวน์แต่ละตัวได้มากขึ้น เรียกว่าได้รสชาติคุ้มทุกหยดจริง ๆ
การดมไวน์เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดและต้องพยายามฝึกฝนบ่อย ๆ จนชำนาญ สำหรับมือใหม่ขอแนะนำว่าให้พยายามแยกแยะกลิ่นของไวน์อย่างหยาบ ๆ ให้ได้ก่อนครับ เช่น ไวน์ตัวนี้มีกลิ่นของผลไม้มั้ย มีกลิ่นดอกไม้มั้ย และมีกลิ่นอะไรที่ไม่ใช่ผลไม้กับดอกไม้มั้ย พอเริ่มชำนาญจึงค่อยเริ่มแยกแยะให้ละเอียดมากขึ้นไปอีก เช่น ผลไม้ที่ได้กลิ่นเป็นแอปเปิ้ลหรือสับปะรด เป็นต้น
ขั้นตอนที่ 3: การเทสไวน์ด้วยการ “ดื่ม”
ดมเสร็จแล้วก็ได้เวลาจิบไวน์ซักทีครับ รสชาติที่เราจะจับก็คือ ความหวานและเค็ม (มิเนอรัล) ที่ปลายลิ้น ความเปรี้ยวที่ข้างลิ้น และความขมที่โคนลิ้น นอกจากรสชาติพื้นฐานนี้แล้ว เรายังต้องพยายามจับรสชาติที่สัมพันธ์กับกลิ่นที่เราได้ดมไปแล้วด้วยครับ ซึ่งเคล็ดลับก็คือ “การกลิ้งหรือเคี้ยวไวน์ในปาก” แนะนำว่าให้จิบไวน์ในปริมาณพอดีที่สามารถกลิ้งไปในปากได้ทั่วโดยไม่ต้องกลัวสำลักครับ บางท่านอาจจะมีการสูดอากาศเข้าไป หรือหายใจสวนออกเพื่อให้กลิ่นของไวน์ในปากลอยเข้าต่อมรับกลิ่นได้มากขึ้นอีกครับ
ขั้นตอนที่ 4: การเทสไวน์ด้วยการ “ตรึก”
ดู ดม ดื่ม แล้วก็อย่าลืมใช้เวลาตรึกซักครู่เพื่อที่จะจดจำเอกลักษณ์ของไวน์แต่ละตัวเอาไว้ในความทรงจำด้วยนะครับ เช่น เราชอบหรือไม่ชอบอะไรในไวน์ตัวนี้ ถ้าจดเป็นเทสติ้งโน้ตเก็บไว้ได้จะดีมากครับ ตรงนี้มีประโยชน์มาก เพราะจะช่วยให้เราสามารถจำและแยกแยะกลิ่นรสชาติของไวน์ได้เก่งขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วจะทำให้เราสามารถเข้าใจและดื่มด่ำกับไวน์แต่ละขวดได้ลึกซึ้งมากขึ้นครับ
ติดตามโปรเฟสเซอร์มิวนิคในตอนต่อไปนะครับว่าเค้าจะมาถ่ายทอดคลาส Wine 101 อะไรให้เราอีก